บทที่ 3 พีชคณิตบูลีน
พีชคณิตแบบบูลีน เป็นเทคนิคแบบหนึ่งที่ใช้ในการลดรูป Switching Function ในพีชคณิตบูลีนเราใช้ ตัวอักษร A,B,C,… แทนตัวแปรค่า 2 สภาวะ คือ 0 หรือ 1 ความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรแต่ละตัวเราใช้ เครื่องหมายทางเลขคณิตแทนความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรค่านั้น เครื่องหมายทางเลขคณิตดังกล่าวได้แก่
- เครื่องหมาย . (จุด) แทนความหมาย AND
- เครื่องหมาย + (บวก) แทนความหมาย OR
- เครื่องหมาย - (Bar) แทนความหมาย NOT
พีชคณิตแบบบูลีน
ใช้แสดงค่าของเลขฐานสองและการคำนวณทางตรรกศาสตร์สัญลักษณ์ตัวแปรที่ใช้
จะแทนด้วยตัวอักษรเช่น A, B, x และ y เป็นต้น ค่าทางตรรกศาสตร์ที่ใช้ในการคำนวณได้แก่ AND, OR และ Complement
ภาพที่ 3.3 a) แสดง Truth Table และ b) Logic Diagram
จุดประสงค์ของพีชคณิตแบบบูลีน คือ ช่วยในเรื่องของการวิเคราะห์และออกแบบวงจรดิจิตอล โดยวิธีดังต่อไปนี้
1) แสดงในรูปแบบของตัวแปรเชิงพีชคณิตและตารางค่าความจริง (Truth Table) ระหว่างตัวแปรแต่ละตัว
2) แสดงในรูปแบบของตัวแปรเชิงพีชคณิต บ่งบอกความสัมพันธ์ระหว่างอินพุต-เอาต์พุต ของวงจรดิจิตอล (Digital Logic Circuit)
3) แสดงในรูปแบบของวงจรลดรูป (Simpler Circuit) สำหรับฟังก์ชั่นนั้น ๆ
1) แสดงในรูปแบบของตัวแปรเชิงพีชคณิตและตารางค่าความจริง (Truth Table) ระหว่างตัวแปรแต่ละตัว
2) แสดงในรูปแบบของตัวแปรเชิงพีชคณิต บ่งบอกความสัมพันธ์ระหว่างอินพุต-เอาต์พุต ของวงจรดิจิตอล (Digital Logic Circuit)
3) แสดงในรูปแบบของวงจรลดรูป (Simpler Circuit) สำหรับฟังก์ชั่นนั้น ๆ
3.2.1 ทฤษฎีพีชคณิตบูลีน
1) ทฤษฎีบทที่ 1 : Commutative Law (กฎการสลับที่)
- A + B = B + A
- A . B = B . A
2) ทฤษฎีบทที่ 2 : Associative Law (กฎการจัดหมู่)
- (A + B) + C = A + (B + C)
- (A . B) . C = A . (B . C)
- (A + B) + C = A + (B + C)
- (A . B) . C = A . (B . C)
3) ทฤษฎีบทที่ 3 : Distributive Law (กฎการกระจาย)
- A . (B + C) = (A . B) + (A . C)
- A + (B . C) = (A + B) . (A + C)
- A . (B + C) = (A . B) + (A . C)
- A + (B . C) = (A + B) . (A + C)
4) ทฤษฎีบทที่ 4 : Identity Law (กฎของเอกลักษณ์)
- A + A = A
- A . A = A
- A + A = A
- A . A = A
5) ทฤษฎีบทที่ 5 : Negation Law (กฎการลบล้าง)
6) ทฤษฎีบทที่ 6 : Redundance Law (กฎการลดทอน)
- A + (A . B) = A
- A . (A + B) = A
7) ทฤษฎีบทที่ 7
- 0 + A = A
- 1 . A = A
- 1 + A = 1
3.2.2 การใช้ทฤษฎีพีชคณิตบูลีนในการลดรูปสวิตชิ่งฟังก์ชัน
การออกแบบวงจรลอจิก จาก Switching function ใด ๆ ก็ตาม จำเป็นที่จะต้องทำการลดรูป Switching function นั้น ๆ ให้เหลือตัวแปรน้อยที่สุดเสียก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อวัตถุประสงค์ในความประหยัด และข้อสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือลดเวลาหน่วง (Delay Time) ให้น้อยที่สุด ดังนั้น Switching function ที่ยืดยาวต้องทำให้สั้นลง โดยใช้ทฤษฎีของพีชคณิตบูลีน
การออกแบบวงจรลอจิก จาก Switching function ใด ๆ ก็ตาม จำเป็นที่จะต้องทำการลดรูป Switching function นั้น ๆ ให้เหลือตัวแปรน้อยที่สุดเสียก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อวัตถุประสงค์ในความประหยัด และข้อสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือลดเวลาหน่วง (Delay Time) ให้น้อยที่สุด ดังนั้น Switching function ที่ยืดยาวต้องทำให้สั้นลง โดยใช้ทฤษฎีของพีชคณิตบูลีน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น